FIFO (First in First Out) หรือระบบการจัดการสินค้าคงคลังที่นิยมใช้กันมากในสากล เพราะสามารถลดปัญหาความเสื่อมสภาพของสินค้าได้ แล้ว FIFO เหมาะกับสินค้าประเภทไหน และมีความแตกต่างจาก FEFO อย่างไร มาหาคำตอบกันได้ในบทความนี้เลย
FIFO หรือที่ย่อมาจาก First In-First Out คือ การหยิบสินค้าหรือ Picking แบบเข้าก่อนและออกก่อน หรือเป็นการหยิบสินค้าตามลำดับการเข้าคลัง ซึ่งระบบ FIFO เป็นการจัดการสินค้าที่เข้าใจง่าย และสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง สำหรับระบบ FIFO ถ้าอธิบายให้เห็นภาพ ก็คือ สินค้าที่ถูกเก็บในคลังหรือเข้าคลังก่อน จะถูกนำออกไปขายหรือนำไปใช้งานก่อน เพื่อป้องกันสินค้าเสื่อมสภาพ หรือหมดอายุ ทำให้การจัดการสินค้ามีความง่ายขึ้น ระบบ FIFO จึงสามารถนำมาปรับใช้กับธุรกิจต่างๆ ได้ง่าย ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจที่มีการหมุนเวียนของสินค้า หรือวัตถุดิบอย่างต่อเนื่อง
แต่ทั้งนี้ ระบบ FIFO อาจจะใช้ได้กับสินค้าคงคลังบางประเภท ดังนั้น เจ้าของธุรกิจหรือผู้ประกอบการจะต้องพิจารณาก่อนว่า ระบบ FIFO มีความเหมาะสมกับธุรกิจหรือไม่ โดยดูจากสินค้าที่ผลิตหรือจำหน่าย
การหยิบสินค้าแบบ FIFO สามารถช่วยรักษามูลค่าของสินค้าไว้ได้ ซึ่งระบบ FIFO เหมาะกับสินค้าประเภทต่างๆ ดังนี้
หลายคนคงยังสับสนว่า FIFO และ FEFO อย่างไร เป็นการหยิบสินค้าคงคลังแบบใด ดังนั้น YAS จึงสรุปข้อแตกต่างแบบกระชับให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น ดังนี้
สินค้าคงคลังประเภท High Value เป็นสินค้าที่มีมูลค่าสูง หรือกล่าวได้ว่า เป็นสินค้าคงคลังประมาณร้อยละ 15-20 ของรายการที่มีมูลค่ารวมถึงร้อยละ 75-80 ของค่าใช้จ่ายวัสดุคงคลังใน 1 ปี และแน่นอนว่า สินค้าคงคลังประเภท High Value มักจะมีแบตเตอรี่ที่จำกัด หรือหมดอายุไว เป็นสินค้าที่ต้องมีการเปลี่ยนรุ่นอยู่บ่อยๆ ดังนั้น ระบบ FIFO จึงสำคัญกับสินค้าประเภทนี้อย่างยิ่ง เพราะระบบ FIFO สามารถช่วยตรวจสอบคุณภาพของสินค้าได้ เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาสินค้าเสื่อมสภาพ เนื่องจากเก็บไว้เป็นเวลานาน และเพื่อให้แน่ใจว่า สินค้าชนิดนั้นยังไม่หมดอายุ และเป็นสินค้าที่ใหม่ก่อนส่งถึงมือของลูกค้า
การจัดเก็บสินค้าโดยใช้ระบบ FIFO นั้นเหมาะกับหลายๆ ธุรกิจ ลองมาดูตัวอย่างการคำนวณของ FIFO (First in First Out) สำหรับธุรกิจต่างๆ ซึ่งมีดังนี้
ร้านค้าปลีก หรือร้านสะดวกซื้อ สามารถใช้ระบบ FIFO เพื่อจัดสินค้าบนชั้นวางได้ โดยจัดให้สินค้าใหม่ๆ อยู่ด้านหลัง ซึ่งจะทำให้ลูกค้าที่มาซื้อสินค้า เลือกหยิบสินค้าที่อยู่ด้านหน้าสุดก่อน และสินค้าชิ้นถัดไปก็จะถูกดันออกมาแทนเรื่อยๆ
ร้านอาหาร ก็เหมาะสำหรับการใช้ระบบ FIFO เพื่อจัดการกับวัตถุดิบ เพราะวัตถุดิบที่ใช้ทำอาหารมีอายุที่จำกัด ถ้าหากใช้วัตถุดิบที่ซื้อมาก่อน ก็ช่วยป้องกันการหมดอายุได้ โดยเฉพาะวัตถุดิบที่เป็นของสด อย่างเช่น เนื้อสัตว์ ผัก และผลไม้ ทั้งนี้ผู้ประกอบการร้านอาหารควรมีระบบสำหรับการจัดการ โดยทำเอกสารตรวจสอบวันหมดอายุของวัตถุดิบ เพื่อให้รู้ว่า วัตถุดิบใดบ้างที่ใกล้หมดอายุแล้ว และควรต้องรีบใช้ก่อน เมื่อป้องกันเรื่องวัตถุดิบเสีย หรือเน่าได้
สำนักงาน ก็สามารถใช้ระบบ FIFO เพื่อการจัดเก็บอุปกรณ์ภายในสำนักงานได้ โดยจัดสินค้าใหม่ไว้ด้านในสุด อย่างเช่น ปากกา หรือกาว ซึ่งช่วยป้องกันไม่ให้อุปกรณ์เสื่อมสภาพจนไม่สามารถทำมาใช้ทำงานได้
ธุรกิจที่เลือกใช้การหยิบสินค้าระบบ FIFO (First in First Out) ก็เพื่อคุณสมบัติและเพื่อรักษาผลประโยชน์ ดังต่อไปนี้
เมื่อได้ทราบประโยชน์และคุณสมบัติของ FIFO (First in First Out) แล้ว มาดูข้อจำกัดของระบบนี้ เพื่อประกอบการตัดสินใจในการเลือกระบบจัดการสินค้าคงคลังให้เหมาะสมกับธุรกิจ และเกิดประโยชน์มากที่สุด ดังนี้
First In-First Out คือ การหยิบสินค้าแบบเข้าก่อน และออกก่อน หรือเป็นการหยิบสินค้าตามลำดับการเข้าคลัง ซึ่งระบบ FIFO เป็นการจัดการที่เข้าใจง่าย และสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง การหยิบสินค้าแบบ FIFO สามารถช่วยรักษามูลค่าของสินค้าไว้ได้ จึงเหมาะสินค้าบางประเภท อย่างเช่น อุปกรณ์ไอที โทรศัพท์ สินค้าในร้านสะดวกซื้อ โดยเฉพาะสินค้าประเภท High Value ที่มีความละเอียด และมีมูลค่าสูง แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการควรเลือกระบบการจัดการให้สอดคล้องกับลักษณะธุรกิจ เพื่อให้เกิดประโยชน์มากที่สุด
สำหรับธุรกิจใดที่ต้องการการจัดการสินค้าให้เหมาะสมกับธุรกิจ สามารถใช้บริการ หรือติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่ YAS ที่พร้อมไปด้วยทีมงานมากประสบการณ์ในการดูแล มีความชำนาญในเรื่องการจัดเก็บสินค้า และการกระจายสินค้าที่มีระบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสินค้า High Value อีกทั้งยังมีบริการด้านโลจิสติกส์แบบครบวงจร และพร้อมให้บริการด้านคลังสินค้า ที่มีทั้งระบบ FIFO และ FEFO ที่คุณสามารถเลือกให้เหมาะกับธุรกิจได้