Menu
Menu
HMD โชว์มือถือระดับตำนาน ไอเดียรักษ์โลก คงความเป็น Nokia พร้อมบริการดูแลเครื่อง 3 ปี ชูจุดเด่น กล้องชัด 50MP กันสั่น OIS พร้อมนวัตกรรม PureView เริ่มวางขายในไทยตั้งแต่วันที่ 19 ตุลาคมนี้ เป็นต้นไป
วันที่ 18 ตุลาคม 2565 นายภราดร รามบุตร ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท เอชเอ็มดี โกลบอล กล่าวว่า เป็นครั้งแรกของสมาร์ทโฟนโนเกียในประเทศไทย ที่มาพร้อมตัวตนใหม่ Nokia X30 5G สมาร์ทโฟนระดับกลาง ตระกูล X ซีรีส์ ผลิตด้วยวัสดุรีไซเคิลเป็นหลักเกือบทั้งหมด ตั้งแต่ตัวเครื่องตลอดจนกล่องบรรจุภัณฑ์ที่พยายามใช้กระดาษรีไซเคิลทดแทนพลาสติกและสารที่เป็นเคมี โดยเน้นวัสดุเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุด บนแนวคิด Play the long game
“แม้ตลาดสมาร์ทโฟนจะมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง แต่สำหรับโนเกียเราจะไม่หวือหวาเหมือนคนอื่น เรายังคงความเป็นดีเอ็นเอของโนเกีย คือ ความแข็งแรงทนทานจากวัสดุคุณภาพสูง พร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยมาตรฐานยุโรป ซึ่ง Nokia X30 ยังคงดีเอ็นเอของโนเกียไว้อย่างครอบคลุม” นายภราดรกล่าว
ดีเอ็นเอโนเกีย ด้านความทนทาน ใช้งานได้ยาวนาน ตอกย้ำแนวคิด Love it. Trust it. Keep it. เพราะเชื่อว่าการสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีอายุการใช้งานยาวนานไม่เพียงมีประโยชน์ต่อผู้บริโภค แต่ยังส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อม
สถิติจาก HMD ปี 2564 ที่ผ่านมาพบทั่วโลกมีขยะอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้นถึง 57.4 ล้านตัน ประกอบกับผลกระทบทางธรรมชาติที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้กระตุ้นผู้บริโภคให้เริ่มปรับเปลี่ยนแนวคิดและพฤติกรรม หันมาให้ความสำคัญกับการเลือกใช้สินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ดังนั้น HMD จึงมุ่งสนับสนุนให้ผู้บริโภคใช้อุปกรณ์สมาร์ทโฟนให้ได้ยาวนานขึ้น เพื่อช่วยลดปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์ลง
ด้านนายปริญญา พงษ์สิน ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ เอชเอ็มดี โกลบอล กล่าวว่า ตัวตนใหม่ของ Nokia X30 5G ที่เกิดจากแนวคิดรักษ์โลกของตัวเครื่องเกือบทั้งหมด ประกอบด้วยเฟรมอะลูมิเนียมรีไซเคิล 100% ฝาหลังตัวเครื่องจากพลาสติกรีไซเคิล 65% รวมถึงกล่องผลิตภัณฑ์เป็นกระดาษที่ FSC รับรอง 100% พร้อมกล่องกระดาษรีไซเคิล 94% และลดขนาดบรรจุภัณฑ์ให้เล็กลง เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในการขนส่ง
ฟีเจอร์เด่น คือ การถ่ายภาพด้วยกล้องหลังคู่เทคโนโลยี PureView ความละเอียด 50MP รูรับแสงกว้าง (f/1.9) รองรับระบบกันสั่นแบบ OIS ผสานเลนส์ Ultra-Wide ความละเอียด 13MP รูรับแสงกว้าง (f/2.4) เก็บมุมกว้างถึง 123 องศา และกล้องเซลฟีความละเอียด 16MP รูรับแสงกว้าง (f/2.4)
โหมดถ่ายภาพกลางคืน Night Mode 2.0 และ AI Portrait ดีไซน์ขนาดกล้องเพรียวบางเพียง 7.9 มม. พร้อมกระจกนิรภัยปกป้องเลนส์ Gorilla Glass DX+ ที่ป้องกันรอยขีดข่วนและช่วยให้แสงผ่านเข้าไปยังเลนส์ได้ดียิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีแอปพลิเคชั่น GoPro Quick App ติดตั้งไว้ในตัวเครื่อง ให้สามารถถ่ายภาพ ตัดต่อ หรือแก้ไขภาพได้สมบูรณ์
การเปิดตัว Nokia X30 5G ครั้งนี้ นับเป็นหนึ่งในโรดแมปกลยุทธ์บุกตลาดสมาร์ทโฟนประเทศไทยอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ช่วงต้นปี 2565 ที่ผ่านมา HMD ได้ปล่อยสมาร์ทโฟน แท็บเลต และฟีเจอร์โฟน เจาะตลาดในประเทศไทย โดยเน้นเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่ครอบคลุมทั้งในระดับล่าง กลาง และบนไปแล้วกว่า 8 รุ่น
ประกอบด้วยสมาร์ทโฟน Nokia G50, G21, C21, C2 Edition 2 แท็บเลตรุ่น Nokia T20 และฟีเจอร์โฟน 8210 4G/5710 XpressAudio/2660 Flip ที่ยังคงรักษาแชมป์ฟีเจอร์โฟนในไทย ด้วยส่วนแบ่งการตลาดไม่น้อยกว่า 50%
Nokia X30 5G ยังชูนวัตกรรม PureView และกล้องหลัก 50MP ที่มาพร้อม Night Mode ถ่ายภาพกลางคืน 2.0 มี AI Portrait สำหรับจับความละเอียดภาพ กันสั่น OIS ใส่เลนส์ Ultra-Wide 13MP กระจกนิรภัยสมาร์ทโฟนหน้าเลนส์ Gorilla Glass DX+ ทนทานต่อการขีดข่วน
นอกจากนี้ยังส่งเสริมความปลอดภัยด้วยการใช้แอนดรอยด์ที่เชื่อมต่อกับกูเกิลโดยตรง ซึ่งจะมีการอัพเดต OS ใหม่นาน 3 ปี และอัพเดตระบบความปลอดภัยทุกเดือนนาน 3 ปี
“เรื่องความปลอดภัยเป็นสิ่งที่ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์มักโดนปรามาสว่าไม่สู้อีกระบบหนึ่ง แต่เราสัญญากับลูกค้าว่าจะอัพเกรดความปลอดภัยพร้อมกับกูเกิล ซึ่งหลายรายมักจะไม่อัพเดตบ่อย เนื่องจากมีภาระค่าใช้จ่ายด้านเซิร์ฟเวอร์สูง และด้วยมาตรฐานความปลอดภัยยุโรปที่เซิร์ฟเวอร์เราอยู่ฟินแลนด์ จึงมั่นใจว่าระบบจะปลอดภัยและอัพเดตอยู่เสมอ” นายปริญญากล่าว
ในส่วนของหน้าจอสัมผัส AMOLED ขนาด 6.43 นิ้ว คมชัดระดับ FHD+ ความละเอียด 1080 x 2400 รองรับค่ารีเฟรชเรตระดับ 90Hz อัตราส่วน 20 : 9 ความสว่างสูงสุด 700 nits พร้อมกระจกนิรภัยปกป้องหน้าจอ Gorilla Glass Victus แข็งแกร่งทนทานต่อการขีดข่วน หรือแรงกระแทกได้อย่างดีเยี่ยม
มิติตัวเครื่องขนาด 158.9 x 73.9 x 7.99 มม. ชูดีไซน์เรียบหรู ทันสมัยระดับพรีเมี่ยม ใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และยังมีคุณสมบัติป้องกันน้ำ-ฝุ่นมาตรฐาน IP67 พร้อมระบบเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือปลดล็อกใต้หน้าจอ (Under Display Fingerprint)
ชิปประมวลผลเป็นชิปเซต Qualcomm Snapdragon 695 5G จับคู่กับ RAM8GB + ROM 256GB พร้อมการใช้งานที่อึดทนได้ยาวนาน 2 วัน ต่อการชาร์จ 1 รอบ ด้วยแบตเตอรี่ความจุขนาด 4200 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 33W บนระบบปฏิบัติการ Android 12 การันตีอัพเดต OS ใหม่นาน 3 ปีเต็ม กระตุ้นผู้บริโภคให้ใช้งานสมาร์ทโฟนได้ยาวนานมากขึ้น มุ่งลดปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์
พร้อมจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 19 ตุลาคม 2565 นี้
YAS Online Store: https://shope.ee/10NZkxHoNL
