เคล็ด (ไม่) ลับ วิธีการเพิ่มมูลค่าสินค้า กระตุ้นความอยากซื้อของลูกค้า

เคล็ด (ไม่) ลับ วิธีการเพิ่มมูลค่าสินค้า กระตุ้นความอยากซื้อของลูกค้า

Table of Contents

Key Takeaway

  • การเพิ่มมูลค่าสินค้า ช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น ทำให้ร้านเป็นที่รู้จัก มีชื่อเสียงได้อย่างรวดเร็ว ช่วยทำให้ยอดขายเพิ่มมากขึ้น และช่วยเพิ่มกำไรให้กับธุรกิจ เพื่อให้ธุรกิจสามารถขยายไปได้ในอนาคต
  • วิธีเพิ่มมูลค่าสินค้า ทำได้โดยการสำรวจตลาด การสร้าง Story ให้สินค้าโดดเด่น หมั่นพัฒนา และปรับปรุงสินค้าให้มีคุณภาพอยู่เสมอ และควรทำให้สินค้ามีบรรจุภัณฑ์ที่เป็นเอกลักษณ์
  • เพื่อส่งเสริมการขาย อาจจะมีโปรโมชันบ้าง และรักษามาตรฐานการบริการให้เป็นเลิศ ทั้งการจัดส่งที่รวดเร็ว บริการหลังการขาย เพื่อให้ประสบการณ์ในการซื้อของลูกค้าเป็นไปอย่างราบรื่นยิ่งขึ้น

ในยุคที่อัตราการแข่งขันสูงมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ละธุรกิจก็จะต้องเฟ้นหากลยุทธ์ และวิธีการ เพื่อทำให้ตัวเองอยู่รอดในการแข่งขันทางเศรษฐกิจนี้ให้ได้ เรามาดูเคล็ดลับวิธีการเพิ่มมูลค่าสินค้า ให้มีความแตกต่าง เพื่อกระตุ้น และดึงดูดใจกลุ่มลูกค้า ให้อยากเข้ามาจับจอง และเป็นเจ้าของสินค้าของคุณมากขึ้น ไม่ว่าสินค้าของเราจะมีราคาเท่าไรก็ตาม

การเพิ่มมูลค่าสินค้า สำคัญอย่างไรต่อการทำธุรกิจ

การเพิ่มมูลค่าสินค้า สำคัญอย่างไรต่อการทำธุรกิจ

การเพิ่มมูลค่าสินค้า เป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงเป็นอันดับต้นๆ ในการวางแผนก่อตั้งธุรกิจ และวางแผนการขาย เพื่อทำให้สินค้าของเราเป็นที่พึงพอใจของลูกค้า โดยความสำคัญของการเพิ่มมูลค่าสินค้า มีดังนี้ 

  • เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้า แม้ธุรกิจจะเพิ่งเปิดตัว แต่การสร้างความแตกต่าง ผ่านการเพิ่มมูลค่าสินค้า ก็จะทำให้สินค้าเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นในกลุ่มผู้บริโภค และทำให้ธุรกิจมีเอกลักษณ์ จนทำให้ลูกค้าติดใจ และกลายมาเป็นลูกค้าประจำในที่สุด 
  • ทำให้ร้านโด่งดังได้อย่างรวดเร็ว ด้วยการดึงดูดลูกค้าใหม่ให้กลายมาเป็นลูกค้าประจำ และกลุ่มลูกค้าประจำเหล่านี้ ก็จะมีส่วนช่วยให้กลุ่มลูกค้าใหม่ๆ อยากเข้ามาลองซื้อสินค้าของเราเช่นกัน 
  • ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น เพราะเอกลักษณ์ของสินค้า และบริการ ที่ทำให้ลูกค้าประทับใจ ตอบโจทย์ต่อความต้องการของกลุ่มลูกค้า และเป็นที่ไว้วางใจของลูกค้า จะช่วยกระตุ้นยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง 
  • ช่วยเพิ่มกำไรให้กับธุรกิจ แต่ไม่เพิ่มต้นทุนมากจนขาดทุน เพราะวิธีการเพิ่มมูลค่าสินค้า เป็นการใช้ไอเดีย และความคิดสร้างสรรค์มาพัฒนา และสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวให้กับสินค้า ที่ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า
รวม 9 วิธีเพิ่มมูลค่าสินค้า ที่นำไปใช้ได้กับหลายธุรกิจ

รวม 9 วิธีเพิ่มมูลค่าสินค้า ที่นำไปใช้ได้กับหลายธุรกิจ

การเพิ่มมูลค่าสินค้า เป็นสิ่งที่ต้องรีบคิด และคิดให้ดี ตั้งแต่เริ่มต้นทำธุรกิจ เพื่อทำให้ธุรกิจของเราเติบโต และยังคงดำเนินกิจการได้อย่างต่อเนื่อง มาดู 9 วิธีการเพิ่มมูลค่าสินค้า ที่สามารถนำไปใช้กับธุรกิจของเราได้ ดังนี้

1. สำรวจตลาดเป้าหมายอยู่เสมอ

การสำรวจตลาด เป็นการอัปเดตให้รู้ว่าในปัจจุบัน ผู้คนกำลังนิยมบริโภคสินค้า และบริการรูปแบบไหน หรือในอดีตนิยมบริโภคแบบไหน รวมทั้งวิเคราะห์แนวทางในอนาคตข้างหน้า เพื่อที่สามารถปรับปรุง แก้ไข และพัฒนาสินค้า ให้ตรงตามความต้องการของลูกค้าได้

2. สร้าง Story ให้สินค้าน่าสนใจ

วิธีการเพิ่มมูลค่าสินค้าที่น่าสนใจอีกวิธี คือ การสร้าง Story เรื่องราวของสินค้า และธุรกิจของเรา เพื่อให้ลูกค้าเห็นถึงความเป็นมาของสินค้า ทำให้ลูกค้ารู้สึกมีส่วนร่วมมากขึ้นต่อตัวสินค้า และการบริการ อีกทั้ง การสร้าง Story ยังช่วยสร้างเอกลักษณ์เฉพาะ และเพิ่มความน่าสนใจให้ตัวสินค้ามากขึ้นด้วย

3. พัฒนาและปรับปรุงสินค้าอยู่เสมอ

การพัฒนา และการปรับปรุงสินค้าอยู่เสมอ ดูจะเป็นเรื่องที่ต้องใช้ทั้งความคิด และทรัพยากรมากขึ้น แต่แน่นอนว่าผลตอบรับที่ได้ก็จะดีขึ้นด้วย เพราะจะทำให้ลูกค้าเห็นว่าเราใส่ใจต่อผู้บริโภคมากแค่ไหน และจะช่วยทำให้สินค้าของเราโดดเด่นกว่าสินค้าอื่นๆ ในตลาดด้วย ดังนั้น จึงควรพัฒนาสินค้าให้ตามเทรนด์ ไม่ซ้ำ และไม่ให้ล้าสมัยอยู่เสมอ 

4. อย่าลืมคำนึงถึงคุณภาพสินค้า

การทำให้สินค้ามีคุณภาพ เป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าไปได้ในตัว เนื่องจากความต้องการของลูกค้า ที่ต่างก็อยากจับจ่ายใช้สอยสินค้าที่มีคุณภาพ คุ้มค่ากับเงินที่เสียไป ดังนั้น จึงต้องใส่ใจในการผลิตทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนเล็ก หรือใหญ่ ใส่ความใส่ใจไปจนถึงบรรจุภัณฑ์ของตัวสินค้า นอกจากนี้ คุณภาพของสินค้ายังทำให้สินค้ามีความน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะถ้ามีการรับรองมาตรฐานจากหน่วยงานต่างๆ นั่นเอง

5. มีโปรโมชันเพื่อเพิ่มยอดขายบ้าง

กลยุทธ์ที่น่าสนใจในการเพิ่มมูลค่าสินค้า คือการจัดโปรโมชัน ไม่ว่าจะเป็นการให้ส่วนลด การเพิ่มของแถม การจับคู่สินค้า โดยโปรโมชันเหล่านี้ จะกระตุ้นให้ลูกค้าอยากเลือกซื้อสินค้ามากขึ้น เช่น หากโปรโมตว่าสินค้าชุดนี้มีจำนวนจำกัด ก็จะกระตุ้นทำให้ลูกค้าอยากรีบมาซื้อทันที เพราะทำให้ลูกค้าคิดว่าจะต้องรีบซื้อก่อนสินค้าจะหมด ช่วยลดความลังเล และความยับยั้งชั่งใจของลูกค้า ซึ่งจะทำให้ยอดขายพุ่งขึ้นไปอีก

6. สร้างบรรจุภัณฑ์ของสินค้าให้โดดเด่น

เทคนิคการเพิ่มมูลค่าสินค้าที่น่าสนใจ และช่วยดึงดูดลูกค้าได้เป็นอย่างดีอีกวิธี คือการทำบรรจุภัณฑ์ให้สวย โดดเด่น น่าสนใจ และอาจเพิ่มความแปลกใหม่ของบรรจุภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบรูปภาพ หรือรูปแบบการนำเสนอสินค้า เพื่อให้ลูกค้ามีความอยากรู้ และสนใจในผลิตภัณฑ์มากยิ่งขึ้น

7. สร้างประสบการณ์การซื้อสินค้าที่น่าประทับใจ

การใส่ใจทุกๆ ขั้นตอนของสินค้า ไม่ว่าจะเป็นการบริการ การให้คำปรึกษา ให้คำแนะนำสินค้า หรือการรับฟังความคิดเห็นของผู้บริโภค ก็เป็นหนึ่งในการเพิ่มมูลค่าสินค้า และธุรกิจ ให้มีผลประกอบการที่ดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะลูกค้าจะรู้สึกประทับใจในการให้ความช่วยเหลือ อาจจะทำได้ด้วยการบริการที่รวดเร็ว มีระบบการชำระเงินที่หลากหลาย เพื่อรองรับลูกค้าหลายกลุ่ม สร้างเว็บไซต์ให้น่าเชื่อถือ ง่ายต่อการซื้อขาย รวมทั้งการให้บริการ ทั้งก่อน และหลังการขาย เพื่อสร้างความประทับใจ เป็นต้น

8. จัดส่งรวดเร็วทันใจ

ในยุคที่การค้าขายออนไลน์เป็นช่องทางหนึ่ง ที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้า และเป็นยุคที่ผู้คนมักชอบซื้อของผ่านช่องทางออนไลน์ การเพิ่มมูลค่าสินค้าผ่านการบริการการจัดส่งที่รวดเร็วทันใจ ไม่ต้องให้ลูกค้ารอนาน ก็เป็นสิ่งที่ควรให้ความใส่ใจมากๆ เพื่อให้ทันต่อการใช้งานของลูกค้า และเพื่อสร้างความประทับใจ ทำให้ลูกค้าอยากกลับมาซื้อของกับเราอีก 

หากที่ร้านมีออเดอร์เยอะๆ จนแพ็คของกันไม่ทัน การเลือกใช้บริการจากผู้เชี่ยวชาญอย่าง YAS เพื่อช่วยดูแลสินค้า และการจัดส่งอย่างมืออาชีพ ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นการติดตามทางคลังสินค้า การจัดส่ง ที่สามารถติดตามสถานะได้ ก็สามารถช่วยเหลือทั้งเจ้าของธุรกิจ และลูกค้า ให้สะดวกมากขึ้น

9. บริการหลังการขายก็สำคัญ

การให้บริการหลังการขาย เป็นการเพิ่มมูลค่าสินค้าให้กับธุรกิจอีกวิธีหนึ่ง เพราะจะทำให้ลูกค้ารู้สึกอุ่นใจหากพบปัญหาจากการใช้งานสินค้า ทำให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าทุกๆ การซื้อสินค้า จะได้รับการดูแลอย่างดี คุ้มค่ากับเงินที่เสียไป 

และแม้การบริการระหว่างการขายจะดี แต่ถ้าหากไม่มีการบริการหลังการขายตามมาด้วย ก็อาจจะทำให้ลูกค้าไม่อยากกลับมาซื้อสินค้าอีก ดังนั้น ในการทำธุรกิจ ควรใส่ใจตั้งแต่ก่อนเริ่มผลิตสินค้า ไปจนถึงเมื่อสินค้าถึงมือลูกค้า ตลอดจนดูแลใส่ใจในทุกๆ การใช้งานสินค้าของลูกค้า เพื่อทำให้ลูกค้าประทับใจจนอยากกลับมาใช้บริการอีกครั้ง

สรุป

การจะสร้างธุรกิจให้ปัง เป็นที่รู้จักของกลุ่มลูกค้า และคนทั่วๆ ไป จะต้องวางแผนอย่างดี ตั้งแต่ขั้นตอนแรกของการคิดค้นสินค้าที่จะขาย รูปแบบการนำเสนอ การผลิต การดูแลคุณภาพของสินค้า การบริการที่ดี และการขนส่งที่รวดเร็ว ซึ่งกระบวนการเหล่านี้ จะเป็นส่วนในการเพิ่มมูลค่าสินค้าได้ดีเลย 

ถ้าหากมีออเดอร์เยอะ จนทำให้ระบบของธุรกิจรวนไปหมด อาจทำให้เสียลูกค้าไปได้ ลองเลือกใช้บริการ YAS ที่พร้อมให้บริการ โดยเฉพาะด้านการขนส่งสินค้าที่รวดเร็ว และตรงเวลา บริการ Fulfillment ที่บริการตั้งแต่คลังสินค้าออนไลน์ เก็บ แพ็ค ไปจนถึงการส่งสินค้าให้ถึงปลายทาง ได้อย่างราบรื่น และมีประสิทธิภาพ

เหมาะกับธุรกิจออนไลน์ ธุรกิจ E-commerce และธุรกิจทุกรูปแบบ ทั้งแบบ B2B, B2B2C และ B2C เพราะมีทั้งบริการขนส่งสินค้า ที่จะติดตามสถานะ ตั้งแต่คลังสินค้า สถานะระหว่างขนส่ง จนถึงปลายทาง มั่นใจได้เลยว่า จะช่วยทำให้ทั้งเจ้าของธุรกิจ และลูกค้า ประทับใจในการบริการแน่นอน