ไขข้อข้องใจ กับการจัดส่งสินค้าแต่ละประเภท? พร้อมเทคนิคการจัดส่งสินค้า

ไขข้อข้องใจ จัดส่งสินค้าแบบไหนดีสุด? พร้อมเทคนิคการจัดส่งสินค้า

Table of Contents

การจัดส่งสินค้าที่สะดวก รวดเร็ว ถูกต้อง แม่นยำ ช่วยสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าและผู้ประกอบการ บทความนี้จะพามาดูว่า การจัดส่งสินค้าแต่ละประเภทต่างกันอย่างไร และเหมาะกับสินค้าอะไรบ้าง

ทำความเข้าใจ การจัดส่งสินค้า คืออะไร

ทำความเข้าใจ การจัดส่งสินค้า คืออะไร

การจัดส่งสินค้า คือ การเคลื่อนย้ายสินค้าจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง ผ่านช่องทางการขนส่งต่างๆ ที่ใช้พาหนะเป็นตัวช่วยในการขนส่งสินค้า ตั้งแต่สินค้าที่เป็นวัตถุเล็กไปจนถึงวัตถุใหญ่ โดยจะมีการเลือกใช้ระบบในการจัดส่งและเส้นทางที่เหมาะสมในการเคลื่อนย้ายสินค้า มักขึ้นอยู่กับระยะทาง ขนาดและปริมาณสินค้า รวมไปถึงต้นทุนของการจัดส่ง ซึ่งการขนส่งจะมีทั้งการขนส่งในระยะทางใกล้ๆ จังหวัดเดียวกัน จังหวัดใกล้เคียง ระหว่างภูมิภาค ไปจนถึงการขนส่งภายในประเทศ

เลือกการจัดส่งสินค้าแบบไหนดี?

เลือกการจัดส่งสินค้าแบบไหนดี?

การจัดส่งสินค้า นอกจากจะมีตัวแทนหลายตัวแทนแล้ว แต่ละตัวแทนก็ยังมีการขนส่งที่หลากหลายรูปแบบคอยบริการให้ลูกค้า จะเป็นรูปแบบใดบ้างนั้น ตามไปดูกัน!

การขนส่งแบบ Delivery

การขนส่งแบบ Delivery เป็นการขนส่งที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ มีบริษัทที่เป็นตัวแทนขนส่งหลายแห่งพร้อมให้บริการจัดส่งด้วยความพึงพอใจ การขนส่งรูปแบบนี้ทำให้สามารถติดตามระยะทางของพัสดุได้ ว่าพัสดุได้ถูกจัดส่งหรือยัง จัดส่งถึงที่ไหนแล้ว และยังช่วยตอบโจทย์ในเรื่องความปลอดภัยที่ใส่ใจดูแลพัสดุคงสภาพเดิมจนถึงมือลูกค้าด้วย ในส่วนของข้อจำกัดส่วนมากจะเกิดกับพื้นที่ห่างไกลจากตัวเมือง ที่ส่งผลให้การขนส่งมีความล่าช้ามากเกินไปได้

การขนส่งทางรถยนต์หรือรถบรรทุก

การขนส่งทางรถยนต์ หรือรถบรรทุก เป็นการขนส่งที่ให้ความสะดวก ความรวดเร็วกับลูกค้าได้ดีมาก และเป็นหนึ่งวิธีการขนส่งที่มีความครอบคลุมในการจัดส่งสินค้าให้ลูกค้า ทั้งในเมือง และต่างจังหวัด ส่วนข้อเสียจะติดตรงที่มีต้นทุนค่อนข้างสูง ราคาน้ำมันตามกลไกของตลาดก็เป็นสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้ด้วย

การขนส่งทางรถไฟ

การขนส่งทางรถไฟ เป็นสิ่งที่อยู่คู่คนไทยมาอย่างช้านานตั้งแต่สมัยอดีตจนถึงปัจจุบัน ถึงแม้ปัจจุบันจะได้รับความนิยมน้อยลงด้วยปัจจัยที่มีทางเลือกอื่นๆ มากขึ้น แต่ถึงอย่างไร ก็ยังมีผู้ใช้บริการอยู่ และมีจำนวนพัสดุจำนวนมาก และมีขนาดใหญ่ด้วย 

โดยปัจจุบัน ทางรถไฟได้แยกขบวนขนส่งสินค้ากับขบวนส่งผู้โดยสารเป็นคนละขบวนกันแล้ว หากขนส่งด้วยรูปแบบนี้จึงไม่ต้องกังวลเรื่องอุบัติเหตุ ทำให้มั่นใจต่อสิ่งของได้ด้วยว่าจะไม่เกิดความเสียหายระหว่างขนส่ง ส่วนข้อจำกัด ทั้งผู้ส่ง และผู้รับต้องไปที่สถานีรถไฟเพื่อนำสินค้าไปส่ง และต้องไปรับสินค้าด้วยตัวเอง อาจจะเกิดความยุ่งยากสำหรับคนที่ไม่ได้มีพาหนะนำของไปส่ง หรือไปรับของที่สถานีรถไฟ ทำให้มีการเพิ่มต้นทุนขึ้นมาได้

การขนส่งทางน้ำ

การขนส่งทางน้ำนิยมขนส่งสินค้าเป็นจำนวนมากๆ จะได้คุ้มค่ากับต้นทุนที่ต้องจ่าย ยานพาหนะที่ใช้ในการขนส่งจะใช้เรือในการขนส่ง สามารถส่งได้ในระยะที่ใกล้ และไกล ภายในประเทศ และต่างประเทศ รวมถึงสามารถข้ามทวีปเพื่อขนส่งสินค้าได้ด้วย ส่วนข้อจำกัดนั้นจำเป็นต้องใช้เวลานานในการขนส่ง ไม่เหมาะกับสินค้าจำพวกอาหารที่หมดอายุเร็ว

การขนส่งทางอากาศ

การขนส่งทางอากาศ เป็นอีกหนึ่งวิธีการขนส่งที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน สามารถขนส่งได้ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ แม้จะอยู่ในระยะทางที่ไกล แต่ก็ได้สิ่งของได้ในระยะเวลาที่รวดเร็ว การขนส่งประเภทนี้เหมาะสำหรับการขนสินค้าเสื้อผ้าแฟชั่น วัตถุดิบอาหาร หรือสินค้าอะไรก็ตามที่ได้รับความนิยมมากๆ เพื่อให้ผู้ที่ต้องการสินค้า ได้สินค้าในเวลาที่รวดเร็ว แต่ทั้งนี้ เมื่อการขนส่งมีความรวดเร็ว ค่าใช้จ่ายก็สูงตามมาด้วยเช่นกัน

วางแผนวิธีการจัดส่งสินค้าอย่างไร ให้ลูกค้าประทับใจ

วางแผนวิธีการจัดส่งสินค้าอย่างไร ให้ลูกค้าประทับใจ

การซื้อขายสินค้านอกจากราคาและคุณภาพที่เหมาะสมกับสินค้าจะมีความสำคัญแล้ว การบริการหลังการขายก็สำคัญไม่แพ้กัน สิ่งที่ผู้ประกอบการควรคำนึงถึงคือขั้นตอนการขนส่งสินค้า หากจัดการการขนส่งได้ดีและมีคุณภาพ ก็จะทำให้ลูกค้าประทับใจในบริการทั้งหมดของธุรกิจได้  วิธีการวางแผนการจัดส่งสินค้าให้ลูกค้าประทับใจ จะมีวิธีอะไรบ้างนั้น ไปดูกัน!

1. ตรวจสอบความถูกต้อง ก่อนทำการจัดส่งสินค้า

ก่อนจะทำการจัดส่งสินค้า ควรตรวจสอบออเดอร์ให้ถูกต้อง ทั้งประเภทสินค้า ชื่อสินค้า รหัสสินค้า ไปจนถึงจำนวนสินค้า ตรวจเช็กรายละเอียดทั้งหมด เพื่อให้เตรียมสินค้าได้ถูกต้องทั้งประเภทและจำนวนสินค้า ทำให้ลูกค้าได้รับสินค้าตรงตามใบสั่งซื้อ เพราะหากการจัดส่งผิดพลาด ไม่ว่าจะผิดประเภทหรือผิดจำนวน ทางผู้ประกอบการจึงต้องรับผิดชอบจัดส่งสินค้าไปเพิ่มหรือรับสินค้าคืนมา ทำให้ต้องสียค่าใช้จ่ายและเสียเวลาเพิ่มขึ้น ทั้งลูกค้าและผู้ประกอบการ

2. แพ็กสินค้าให้เหมาะสมที่สุด

การเลือกบรรจุภัณฑ์หรือหีบห่อสำหรับสินค้า ควรเลือกขนาดที่มีความพอดี ใช้วัสดุที่มีคุณภาพ เตรียมวัสดุหรืออุปกรณ์กันกระแทกเพื่อป้องกันไม่ให้สินค้าเสียหาย หากขนส่งสินค้าที่มีน้ำหนักและขนาดใหญ่มาก ควรมีการจัดเก็บให้สินค้าอยู่กับที่ ไม่ให้มีการร่วงกระจายขณะที่มีการจัดส่ง หรือหลุดลงบนถนน สร้างความเสียหายต่อสถานที่หรือทำให้คนบาดเจ็บ ที่สำคัญที่สุดคือ สินค้าทุกชิ้นจะได้ถึงมือลูกค้าในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด

3. เก็บบันทึกข้อมูลการจัดส่งสินค้า

การจัดเก็บ บันทึกข้อมูลในการจัดส่ง มักจะเป็นข้อมูลในเรื่องของต้นทาง ปลายทาง ผู้ส่ง ผู้รับ และรายละเอียดต่างๆ ของสินค้า นอกจากมีประโยชน์ในด้านการตลาดแล้ว ยังมีประโยชน์ในเรื่องของการติตดามผลและยืนยันในการจัดส่งให้กับลูกค้าได้อีกด้วย

4. ใช้เส้นทางที่ดีที่สุดสำหรับการจัดส่ง

การจัดส่งของที่ดี ควรถึงลูกค้าให้เร็วที่สุด การเลือกใช้เส้นทางที่ดีที่สุด คือการเลือกเส้นทางหรือคำนวณเส้นทางจากสภาพถนน การจราจร รวมไปถึงปัจจัยอื่นๆ ในขณะนั้น อย่างสภาพท้องฟ้าอากาศ อุบัติเหตุ โดยอาจจะไม่ใช่เส้นทางที่ใช้ระยะทางสั้นที่สุดแต่ใช้เวลาให้น้อยที่สุด เป็นการเดินทางเพื่อขนส่งที่ปลอดภัย

5. อบรมพนักงานให้พร้อมอยู่เสมอ

ความผิดพลาดในการทำงานสามารถเกิดได้จากมนุษย์ ซึ่งการมี human error สามารถส่งผลต่อการจัดการและคุณภาพของการจัดส่งสินค้าได้ ตั้งแต่การแพ็ก การขับรถขนส่ง และอื่นๆ ซึ่งความผิดพลาดแม้เล็กน้อยอาจทำให้การขนส่งเกิดความล่าช้าขึ้นได้ เพื่อป้องกันปัญหานี้ จึงควรมีการอบรมพนักงานอยู่เสมอ เพื่อให้พนักงานเตรียมพร้อมและรอบคอบในการทำหน้าที่ของตนเอง

สรุป

การจัดส่งสินค้าในปัจจุบันเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการต้องให้กับความสำคัญ โดยต้องเลือกบริษัทขนส่งที่เหมาะสมกับสินค้าให้มากที่สุด รวมไปถึงคำนึงถึงเวลาในการจัดส่งด้วย ซึ่งการจัดส่งสินค้ามีหลายรูปแบบให้ผู้ซื้อได้ใช้บริการ โดยหลักๆ ที่ผู้คนนิยมทำการจัดส่งสินค้า ทั้งระยะทางใกล้ และไกล จะมีด้วยกัน 5 รูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น การขนส่งแบบ Delivery การขนส่งทางรถยนต์ หรือรถบรรทุก การขนส่งทางรถไฟ การขนส่งทางน้ำ และการขนส่งทางอากาศ

ซึ่งแต่ละวิธีการขนส่งมีทั้งข้อดี และข้อจำกัดที่แตกต่างกันไป แล้วแต่บริบทของการสั่งสินค้าในแต่ละครั้งด้วย นอกจากจะเลือกรูปแบบการขนส่งได้แล้ว การวางแผน เพื่อมัดใจให้ลูกประทับใจในการรับสินค้าก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน โดยต้องคำนึงถึงการตรวจสอบความถูกต้องของสินค้าก่อนการจัดส่ง แพ็กสินค้าให้เหมาะสมกับสินค้า เก็บบันทึกข้อมูลการจัดส่งสินค้า เลือกใช้เส้นทางที่ดีที่สุด และอบรมพนักงงานให้พร้อมอยู่ตลอดเวลา 


YAS เองก็มาพร้อมกับบริการ Fulfillment ที่จะช่วยในการออกแบบการจัดการคลังสินค้าให้เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ ตั้งแต่การดูแลคลังสินค้า การจัดการสต๊อกสินค้า ไปจนถึงการบรรจุสินค้าตามออเดอร์ ซึ่งทุกขั้นตอนจะถูกดำเนินการด้วยความแม่นยำ และความถูกต้อง เพื่อให้ธุรกิจของคุณเติบโตไปได้อย่างมั่นใจ