Smart Warehouse คลังสินค้าอัจฉริยะ เพื่อยกระดับธุรกิจโลจิสติกส์

Smart Warehouse คลังสินค้าอัจฉริยะ เพื่อยกระดับธุรกิจโลจิสติกส์

Table of Contents

Key Takeaway

  • Smart Warehouse คือระบบคลังสินค้าอัจฉริยะที่เกิดจากการนำเทคโนโลยี เข้ามาช่วยปรับปรุงและพัฒนาให้บริหารจัดการคลังสินค้านั้นมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • Smart Warehouse ที่ดีต้องช่วยลดปริมาณสินค้าที่ตกค้างในคลังและสินค้าคงคลัง มีระบบสื่อสารที่ครอบคลุม ลดการพึ่งพาแรงงานของคน เทคโนโลยีที่ทันสมัย และช่วยให้ลูกค้าได้รับสินค้ารวดเร็วยิ่งขึ้น
  • บริษัท วายเอ เซลส์ แอนด์ เซอร์วิสเซส จำกัด (YAS) ที่นี่มีความเชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์และคลังสินค้า พร้อมให้คำปรึกษาและติดตั้ง ปรับปรุงคุณภาพคลังสินค้าให้มีความเป็น Smart Warehouse ได้

ในยุคที่การขายออนไลน์นั้นมีการเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว การบริหารจัดการคลังสินค้าให้เป็นระบบก็เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องใส่ใจ เพราะจะช่วยให้ธุรกิจนั้นตอบสนองต่อความการของลูกค้าได้เร็วมากขึ้น ในปัจจุบันจึงมีการพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการคลังสินค้าที่เรียกว่า Smart Warehouse หรือ คลังสินค้าอัจฉริยะ ซึ่งเป็นการนำเอาเทคโนโลยีมาช่วยยกระดับการบริหารจัดการคลังสินค้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และช่วยให้สามารถจัดส่งสินค้าได้รวดเร็วขึ้น 

ระบบคลังสินค้าอัจฉริยะจึงกลายเป็นเทรนด์เทคโนโลยีใหม่ในโลกธุรกิจที่ต้องรู้ไว้ บทความนี้ได้รวบรวมข้อมูลที่จะช่วยให้เข้าใจมากขึ้นว่าคลังสินค้าอัจฉริยะคืออะไร มีประโยชน์อย่างไร และสาระความรู้เพิ่มเติมว่า Smart Warehouse มีอะไรบ้าง อีกทั้งยังมีตัวอย่าง คลังสินค้าอัจฉริยะ ที่จะช่วยให้เห็นภาพมากขึ้นอีกด้วย 

Smart Warehouse ระบบคลังสินค้าอัจฉริยะ คืออะไร

Smart Warehouse คือระบบคลังสินค้าอัจฉริยะที่เกิดจากการนำเทคโนโลยี เข้ามาช่วยปรับปรุงและพัฒนาให้บริหารจัดการคลังสินค้านั้นมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยจะช่วยเข้ามาดูแลตั้งแต่ขั้นตอนการวางแผนการจัดเก็บสินค้า อีกทั้งยังช่วยควบคุมให้ขั้นตอนการทำงานภายในคลังสินค้านั้นให้เป็นระบบและมีระเบียบ ไม่ว่าจะเป็นการหยิบ การบรรจุหรือแพ็ก การเคลื่อนย้าย และการส่งสินค้า พร้อมช่วยในการแจ้งเตือนหรือเติมสินค้าในกรณีที่สินค้าในคลังหมด

เมื่อคลังสินค้าเป็น Smart Warehouse ก็จะช่วยลดทั้งต้นทุนและค่าใช้จ่ายสิ้นเปลืองที่ต้องใช้ในการดูแลคลังสินค้า อีกทั้งยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นได้

ระบบสำคัญที่มาพร้อมกับ Smart Warehouse

ระบบสำคัญที่มาพร้อมกับ Smart Warehouse

คลังสินค้าอัจฉริยะ หรือ Smart Warehouse นั้น จะมีระบบย่อยๆ เป็นองค์ประกอบ ซึ่งระบบต่างๆ เหล่านี้จะทำงานเฉพาะของตัวเองเพื่อช่วยในการจัดการคลังสินค้าในด้านต่างๆ และเมื่อนำมาประสานการทำงานเข้าด้วยกันก็จะยิ่งทำให้ระบบคลังสินค้าอัจฉริยะนั้นบริหารจัดการคลังสินค้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งจะแบ่งได้เป็นหลายระบบดังนี้ 

ระบบการจัดการคลังสินค้า (WMS)

ระบบ WMS (Warehouse Management System) เรียกได้ว่าเป็นระบบหลักของ Smart Warehouse โดยทำหน้าที่เกี่ยวกับการบันทึกข้อมูลสินค้าลงในคลัง ทำให้ทราบถึงข้อมูลพื้นฐานของสินค้าไม่ว่าจะเป็น ชื่อของสินค้า ขนาดและน้ำหนัก จำนวนสินค้า และตำแหน่งของสินค้า

เมื่อระบบคลังสินค้าอัจฉริยะ มีการจัดเก็บข้อมูลสินค้าอย่างครบถ้วน ก็จะช่วยให้บริหารจัดการกับสินค้าในคลังได้ดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้จัดแยกประเภทสินค้าได้อย่างเหมาะสม ใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการจัดทำฉลากสินค้า ที่สำคัญยังช่วยคำนวณต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการขนย้ายหรือจัดส่งสินค้าได้อย่างแม่นยำ

นอกจากนี้ยังสามารถนำระบบนี้ใน Smart Warehouse ไปใช้กับระบบ OMS (Order Management System)  ซึ่งเป็นการจัดการกับคำสั่งซื้อจากลูกค้า โดยช่วยให้ปิดการขายได้เร็วขึ้น ตอบสนองความต้องการสินค้าจากลูกค้าได้ทันใจมากขึ้น 

ระบบการจัดการคลังสินค้าแบบอัตโนมัติ

ระบบการจัดการคลังสินค้าอัตโนมัติ ก็เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบของระบบคลังสินค้าอัจฉริยะ โดยมีหลักการทำงานของระบบเหมือนกับ WMS ที่กล่าวมาข้างต้น เพียงแต่มีการนำ IoT หรือ Internet of Things  มาใช้เพื่อเชื่อมต่อข้อมูลของสินค้าที่ Smart Warehouse ได้จัดเก็บผ่านทางอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นการใช้วิธีฝังตัวเซนเซอร์เอาไว้ที่สินค้าแต่ละชิ้น 

ระบบการจัดการคลังสินค้าแบบอัตโนมัติ ทำให้สามารถติดตามทั้งจำนวนและตำแหน่งของสินค้าได้อย่างแม่นยำมากขึ้น อีกทั้งยังมีประโยชน์ในแง่ของการควบคุมและป้องกันไม่ให้มีการสูญหายของสินค้าภายในคลังอีกด้วย พร้อมดูการเคลื่อนไหวของสินค้าได้แบบเรียลไทม์ ผ่านทั้งทางคอมพิวเตอร์และมือถือได้ทุกที่และทุกเวลา 

ระบบหุ่นยนต์

Smart Warehouse จะมีระบบหุ่นยนต์ ซึ่งเป็นการนำเทคโนโลยีหุ่นยนต์มาใช้ในการจัดการดูแลระบบคลังสินค้าอัจฉริยะ โดยทำหน้าที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการหยิบและจัดเก็บสินค้าบนที่สูง รวมไปถึงการช่วยลำเลียงสินค้าภายในคลัง ให้รวดเร็วยิ่งขึ้น

คลังสินค้าอัจฉริยะจึงช่วยทุ่นแรงและอำนวยความสะดวก อีกทั้งยังลดการทำงานที่ไม่จำเป็นลง จึงเป็นการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการคลังสินค้ามากขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถลดข้อผิดพลาด และประหยัดต้นทุนค่าใช้จ่ายที่ต้องสิ้นเปลืองหรือไม่จำเป็นได้ด้วยเช่นกัน

ระบบ IoT

การทำงานของระบบคลังสินค้าอัจฉริยะ (Smart Warehouse) จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตมาช่วยเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ ที่จะทำหน้าที่บริหารจัดการคลังสินค้า ซึ่งเราจะเรียกว่า ระบบ IoT (Internet of Things) โดยอินเทอร์เน็ตจะช่วยในการติดต่อ สื่อสาร และแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้ตลอดเวลา พร้อมช่วยให้ผู้ดูแลระบบคลังสินค้าอัจฉริยะนั้นสามารถติดตามดูข้อมูลเกี่ยวกับตัวสินค้าภายในคลังสินค้า ไม่ว่าจะเป็นความเคลื่อนไหวรวมไปถึงอุณหภูมิหรือความชื้นที่อาจจะทำให้สินค้าเกิดความเสียหาย ได้แบบเรียลไทม์ ที่สำคัญยังช่วยให้บริหารจัดการคลังสินค้าได้จากทุกที่และทุกเวลา ไม่จำเป็นต้องเฝ้าอยู่หน้าคลังสินค้าตลอดเวลา

ระบบ AI

ระบบ AI (Artificial Intelligence) ใน Smart Warehouse คือการนำเอาเทคโนโลยีประเภทปัญญาประดิษฐ์มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการตัดสินใจที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการคลังสินค้า เช่นการวิเคราะห์ข้อมูล การจัดสรรทรัพยากรภายในคลังสินค้า อีกทั้งยังช่วยทำนายความต้องการของตลาดล่วงหน้าได้แม่นยำ นอกจากนี้ยังพัฒนาการทำงานของระบบอื่นๆในคลังสินค้าอัจฉริยะได้อีกด้วย 

ระบบ RFID

คลังสินค้าอัจฉริยะ (Smart Warehouse) ยังมีการใช้ระบบ RFID (Radio Frequency Identification) ซึ่งเป็นการนำอุปกรณ์ RFID TAG ไปติดที่ตัวสินค้า และจะใช้เทคโนโลยีวิทยุในการเชื่อมต่อกับ RFID TAG บนตัวสินค้า โดยที่ไม่ต้องมีการสัมผัสโดยตรงกับสินค้า เพื่อทำการระบุและติดตามข้อมูลของสินค้าไม่ว่าจะเป็นจำนวน น้ำหนัก ขนาด และตำแหน่งของสินค้าได้ตลอดเวลา ช่วยให้ตรวจสอบสินค้าในคลังได้อย่างรวดเร็ว เป็นประโยชน์ต่อการป้องกันการทุจริตภายในคลังสินค้า ลดเวลาในการตรวจนับสต๊อกสินค้า และควบคุมการเคลื่อนย้ายสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

Smart Warehouse มีประโยชน์อย่างไร

Smart Warehouse มีประโยชน์อย่างไร

หากพบว่าคลังสินค้าที่ใช้อยู่นั้นมีปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ อาจจะถึงเวลาที่จะต้องลองพิจารณาใช้ระบบคลังสินค้าอัจฉริยะแทน โดยประโยชน์ของ Smart Warehouse มีอะไรบ้าง เราได้รวบรวมมาให้แล้วดังนี้ 

1. ลดเวลาในการทำงาน

Smart Warehouse จะช่วยลดการทำงานที่ไม่จำเป็นลง อีกทั้งประหยัดเวลาในการดำเนินการต่างๆภายในคลังสินค้า เช่น ช่วยให้หาสินค้าที่อยู่ในคลังได้ทันที สามารถทำการเบิกจ่ายสินค้าได้สะดวกมากขึ้น จึงทำให้ลดเวลาในการจัดส่งสินค้าสินค้า และช่วยให้สินค้าถึงมือของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว 

2. ลดข้อผิดพลาดระหว่างทำงาน

การนำเอาเทคโนโลยีมาใช้ในคลังสินค้าอัจฉริยะ นอกจากเป็นการลดการทำงานที่ไม่จำเป็นลงแล้ว ยังมีความแม่นยำในการทำงานสูง ช่วยลดข้อผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นจากการทำงานในคลังสินค้าได้ ตัวอย่างคลังสินค้าอัจฉริยะที่มีการใช้หุ่นยนต์ช่วยจัดเก็บและหยิบสินค้าจากที่สูง จึงป้องกันอุบัติเหตุที่อาจจะทำให้สินค้าเกิดความเสียหายในระหว่างเคลื่อนย้ายได้

3. เข้าถึงข้อมูลได้เร็วขึ้น

Smart Warehouse มีการใช้อินเทอร์เน็ตในการเชื่อมต่อเพื่อสื่อสารและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ ภายในระบบคลังสินค้าอัจฉริยะอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้ผู้ใช้งานเข้าถึงข้อมูลได้เร็วขึ้นไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบสินค้าและการติดตามสถานะของสินค้า ทำให้สามารถตัดสินใจต่างๆ เกี่ยวกับการบริหารจัดการคลังสินค้าได้เร็วขึ้น และยังช่วยตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทันใจ

4. ช่วยวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้า

เนื่องจากระบบคลังสินค้าอัจฉริยะหรือ Smart Warehouse มีการใช้เทคโนโลยีในการจัดเก็บข้อมูลของสินค้า ซึ่งข้อมูลเหล่านี้มีประโยชน์อย่างมากต่อการวิเคราะห์วางแผนทางการตลาด ช่วยให้เข้าใจความต้องการของลูกค้าทั้งในปัจจุบันและในอนาคตได้ดีขึ้น จึงทำให้วางแผนเพื่อจัดเตรียมสินค้าภายในคลังได้ตรงตามความต้องการของลูกค้ามากขึ้น ลดปัญหาสินค้าขาด ไม่พอขาย หรือสินค้ามีมากเกินจนหมดอายุได้

5. ติดตามสินค้าได้แบบเรียลไทม์

เพราะระบบคลังสินค้าอัจฉริยะ มีการใช้เทคโนโลยีการเชื่อมต่อผ่านอินเทอร์เน็ต ทำให้ติดตามสินค้าได้แบบเรียลไทม์ ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งหรือจำนวนของสินค้า จึงมีประโยชน์ในการป้องกันการทุจริตที่อาจจะเกิดขึ้นภายในคลังสินค้า เช่นการขโมยหรือการโจรกรรม รวมทั้งยังควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น หรือปัจจัยอื่นๆ ที่อาจจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อสินค้า นอกจากนี้ยังช่วยให้ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้รวดเร็ว ในกรณีที่ลูกค้าต้องการสินค้าชิ้นนี้ได้ด้วย 

6. เพิ่มความแม่นยำในการดำเนินการ

Smart Warehouse จะมีการใช้เทคโนโลยีในการดำเนินการต่างๆ ภายในคลังสินค้าอัจฉริยะ แทนการใช้แรงงานคนแบบเดิม ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้จะถูกควบคุมโดยชุดคำสั่ง ดังนั้นจึงมีการทำงานที่ถูกต้องแม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นการเก็บบันทึกรวบรวมข้อมูลและการประมวลผลข้อมูล  จึงช่วยลดข้อผิดพลาดต่างๆ ได้ดีขึ้น ตัวอย่างคลังสินค้าอัจฉริยะที่เพิ่มความแม่นยำให้กับการบริหารจัดการคลังสินค้า มีดังนี้ การใช้ RFID TAG ที่สามารถติดตามตำแหน่งของสินค้าได้ จึงช่วยลดเวลาในการตรวจนับสต๊อกสินค้า และยังทำให้ติดตามจำนวนของสินค้าได้อย่างแม่นยำ 

7. พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ

เนื่องจากระบบคลังสินค้าอัจฉริยะ (Smart Warehouse) จะต้องมีเทคโนโลยีเป็นองค์ประกอบหลัก ซึ่งสอดรับกับเทรนด์ธุรกิจในอนาคตที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทำให้คลังสินค้าอัจฉริยะมีความยืดหยุ่นและปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว รับมือกับความต้องการของตลาดได้อย่างทันใจ พร้อมเพิ่มขีดจำกัดในการแข่งขันของธุรกิจได้

สรุป

สรุป

Smart Warehouse คือ ระบบคลังสินค้าอัจฉริยะที่มีการใช้เทคโนโลยีมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานภายในคลังสินค้ามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น WMS, IoT, AI และหุ่นยนต์ ทำให้บริหารจัดการคลังสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความละเอียดและแม่นยำ ลดทั้งข้อผิดพลาดและต้นทุนค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ช่วยให้ธุรกิจตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าและตลาดได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้การใช้ระบบคลังสินค้าอัจฉริยะควรต้องมีการพิจารณาต้นทุนว่ามีความคุ้มค่ากับขนาดธุรกิจของคุณหรือไม่

หากสนใจใช้ระบบคลังสินค้าอัจฉริยะ หรือ Smart Warehouse แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร ทางบริษัท วายเอ เซลส์ แอนด์ เซอร์วิสเซส จำกัด (YAS) พร้อมให้บริการ ที่นี่มีความเชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์และคลังสินค้า พร้อมให้คำปรึกษาและติดตั้ง ปรับปรุงคุณภาพคลังสินค้าให้มีความเป็น Smart Warehouse ได้