FEFO (First Expire First Out) คือสต๊อกแบบไหน เหมาะกับสินค้าอะไร

FEFO (First Expire First Out) คือสต๊อกแบบไหน เหมาะกับสินค้าอะไร

Table of Contents

Key Takeaway

  • FEFO คือระบบการจัดการสต๊อกที่หยิบสินค้าที่มีวันหมดอายุใกล้เคียงที่สุดออกมาใช้ก่อน เหมาะกับสินค้าที่มีอายุการใช้งานจำกัด เช่น อาหาร เครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว และผลิตภัณฑ์เคมี 
  • แม้ว่าขั้นตอนในการสต๊อกสินค้าแบบ FEFO จะมีความซับซ้อน แต่ก็มีประโยชน์ต่อสินค้าและธุรกิจ คือลดการสูญเสียสินค้า ลดต้นทุน รักษาคุณภาพสินค้า เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการคลังสินค้า และได้มาตรฐานความปลอดภัย
  • ส่วน FIFO คือการหยิบสินค้าที่เข้ามาก่อนออกไปก่อน โดยไม่สนใจวันหมดอายุ และ LIFO คือการหยิบสินค้าที่เข้ามาทีหลังออกไปก่อน โดยไม่สนใจวันหมดอายุ
  • การจัดการสต๊อกกับ YAS ดีอย่างไร? YAS ออกแบบระบบการจัดการสต๊อกที่เหมาะกับธุรกิจของคุณ เช่น FEFO, FIFO หรือ LIFO ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ ทำให้การบริหารจัดการสินค้าคงคลังมีประสิทธิภาพ

FEFO คือวิธีการจัดสต๊อกสินค้าที่เน้นหลักการว่า “ของที่ใกล้หมดอายุก่อน จะต้องถูกนำออกไปก่อน” วิธีนี้เหมาะสำหรับการจัดการสินค้าที่มีอายุการใช้งานจำกัด ช่วยลดการสูญเสียสินค้าเนื่องจากหมดอายุ และเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารคลังสินค้า ในบทความนี้จะอธิบายรายละเอียด รวมถึงขั้นตอนในการใช้งาน ประโยชน์ ข้อจำกัด และการเปรียบเทียบความต่างระหว่าง FEFO, FIFO และ LIFO ซึ่งจะช่วยให้เข้าใจการเลือกใช้วิธีการที่เหมาะสมกับสินค้ามากที่สุด ติดตามได้ในบทความนี้

ระบบ FEFO คืออะไร

FEFO ย่อมาจาก First Expire First Out คือระบบจัดการสต๊อกที่เน้นความสำคัญของวันหมดอายุของสินค้าเป็นหลัก เป็นการจัดการสต๊อกที่ออกแบบมาเพื่อลดปริมาณสินค้าที่อาจเสียหายเนื่องจากหมดอายุ โดยสินค้าที่มีวันหมดอายุก่อนจะถูกจัดวางไว้ในตำแหน่งที่หยิบง่ายที่สุด เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าเหล่านั้นจะถูกนำไปใช้ก่อนสินค้าอื่นๆ 

ระบบนี้เหมาะสำหรับสินค้าที่มีอายุการใช้งานจำกัด เช่น อาหาร เครื่องดื่ม หรือผลิตภัณฑ์ดูแลผิว โดยช่วยลดปัญหาการเสียหายของสินค้าเนื่องจากหมดอายุ นอกจากนี้ยังช่วยลดต้นทุนที่เกิดจากการทิ้งสินค้า และเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการคลังสินค้า

FEFO เหมาะกับสินค้าประเภทอะไรบ้าง

FEFO เหมาะกับสินค้าประเภทอะไรบ้าง

FEFO เหมาะกับสินค้าประเภทที่มีความไวต่อเวลาและมีอายุการใช้งานจำกัด เช่น สินค้าประเภทอาหารและเครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ และผลิตภัณฑ์เคมี เป็นต้น ซึ่งต้องการการจัดการสต๊อกอย่างระมัดระวังเพื่อลดความเสี่ยงจากการหมดอายุและรักษาคุณภาพของสินค้าให้อยู่ในระดับสูงสุด

  • อาหารและเครื่องดื่ม: เช่น ผัก ผลไม้ นม เนยแข็ง อาหารกระป๋อง อาหารแช่แข็ง เครื่องดื่มต่างๆ เนื่องจากมีอายุการใช้งานที่สั้น หากผู้บริโภครับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่หมดอายุเข้าไป อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้ การจัดการสต๊อกแบบ FEFO จึงช่วยให้การบริหารสินค้าคงคลังเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์และผู้ผลิตได้อีกด้วย

  • ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ: เช่น ยา เวชภัณฑ์ เครื่องสำอาง ครีมบำรุงผิว เป็นต้น เนื่องจากในผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีอายุการใช้งานที่จำกัด โดยเฉพาะส่วนผสมที่มาจากธรรมชาติ ซึ่งวันหมดอายุไม่เพียงแต่บ่งบอกถึงอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่ยังแสดงถึงคุณภาพและความปลอดภัยในการใช้งานของผลิตภัณฑ์อีกด้วย

  • ผลิตภัณฑ์เคมี: เช่น สารเคมีสำหรับทำความสะอาด และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดบ้าน เพราะส่วนผสมบางอย่างอาจกลายเป็นอันตรายต่อสุขภาพหรือทำให้ประสิทธิภาพในการใช้งานลดลงเมื่อถูกเก็บไว้นานเกินไป การจัดการสต๊อกแบบ FEFO จึงช่วยให้มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายยังคงมีคุณภาพสูงสุด พร้อมสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค

ขั้นตอนการสต๊อกแบบ FEFO

การสต๊อกสินค้าแบบ FEFO มีขั้นตอนและวิธีการที่แตกต่างจากการสต๊อกสินค้าทั่วไปอยู่บ้าง แม้ว่าขั้นตอนจะซับซ้อนและละเอียดมากกว่า แต่ก็ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการสต๊อกได้มากขึ้น โดยมีขั้นตอนดังต่อไปนี้

  1. ตรวจสอบวันหมดอายุ: ก่อนนำสินค้าเข้าสต๊อก ควรตรวจสอบวันหมดอายุของสินค้าทุกชิ้นอย่างละเอียด
  2. จัดเรียงตามวันหมดอายุ: วางสินค้าที่มีวันหมดอายุใกล้เคียงวันที่ปัจจุบันที่สุดไว้ด้านหน้าหรือด้านบน เพื่อให้หยิบใช้ได้ง่าย
  3. ติดป้ายแสดงวันหมดอายุ: ติดป้ายที่แสดงวันหมดอายุอย่างชัดเจนบนชั้นวางหรือภาชนะบรรจุสินค้า เพื่อให้ง่ายต่อการตรวจสอบ
  4. ดำเนินการตามระบบการจัดการสินค้าคงคลัง: จำเป็นต้องบันทึกและอัปเดตสต๊อกในคลังสินค้า รวมถึงข้อมูลทั้งหมดที่จำเป็นสำหรับการกระจายผลิตภัณฑ์อย่างถูกต้อง
  5. ตรวจสอบสต๊อกเป็นประจำ: ตรวจสอบสต๊อกสินค้าอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าที่ใกล้หมดอายุจะถูกหยิบออกไปก่อน
  6. หมุนเวียนสินค้า: หมุนเวียนสินค้าที่อยู่ด้านหลังให้มาด้านหน้า เพื่อป้องกันไม่ให้สินค้าถูกทิ้งไว้ด้านหลังนานเกินไป
การหยิบสินค้าแบบ FEFO มีประโยชน์อย่างไร

การหยิบสินค้าแบบ FEFO มีประโยชน์อย่างไร

ระบบ FEFO นอกจากจะช่วยให้การจัดการสต๊อกสินค้าเป็นไปอย่างมีระบบแล้ว ยังมีประโยชน์อื่นๆ ที่ส่งผลดีต่อธุรกิจของคุณ ดังนี้

ลดการสูญเสียสินค้า ลดต้นทุน

การนำระบบ FEFO มาใช้จะช่วยให้สินค้าที่มีวันหมดอายุใกล้เคียงที่สุดถูกนำออกมาใช้งานก่อน ซึ่งจะลดโอกาสที่สินค้าจะหมดอายุในคลังสินค้า ส่งผลให้ลดปริมาณสินค้าที่ต้องทิ้งไป และลดค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการสูญเสียสินค้าโดยเปล่าประโยชน์

รักษาคุณภาพสินค้า

เมื่อสินค้าที่ใกล้หมดอายุถูกนำออกมาใช้ก่อน ลูกค้าจะได้รับสินค้าที่มีความสดใหม่และคุณภาพดีที่สุด ซึ่งจะส่งผลให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจและมีแนวโน้มกลับมาใช้บริการซ้ำอีก

เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการคลังสินค้า

ระบบ FEFO ช่วยให้การหมุนเวียนสินค้าในคลังมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้เราทราบสถานะของสินค้าในคลังได้อย่างแม่นยำ และสามารถวางแผนการสั่งซื้อสินค้าใหม่ได้อย่างเหมาะสม ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของการขาดแคลนสินค้าหรือมีสินค้าคงคลังมากเกินไป

ได้มาตรฐานความปลอดภัย

สำหรับอุตสาหกรรมอาหารและยา การปฏิบัติตามหลักการ FEFO มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะช่วยลดความเสี่ยงในการบริโภคสินค้าที่หมดอายุ ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้บริโภค นอกจากนี้ยังช่วยให้ธุรกิจเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยตามที่กฎหมายกำหนด

FIFO และ LIFO แตกต่างจาก FEFO อย่างไร

มีหลายวิธีและเทคนิคในการจัดการคลังสินค้าและสินค้าคงคลังอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้มั่นใจว่าทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุม โดยวิธีการที่ใช้กันอย่างแพร่หลายและเป็นที่รู้จักมากที่สุด ได้แก่ LIFO, FIFO และ FEFO การเลือกเทคนิคใดเทคนิคหนึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ

เช่น ประเภทของคลังสินค้า ผลิตภัณฑ์ที่จัดเก็บ กระบวนการโลจิสติกส์ของแต่ละบริษัท ไม่ว่าจะเลือกวิธีใดใน 3 วิธีนี้ จุดประสงค์คือเพื่อจัดระเบียบและควบคุมการไหลเข้าและไหลออกของผลิตภัณฑ์ที่จัดเก็บอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด

ดังที่ได้กล่าวไปแล้ว วิธี FEFO First Expire First Out คือการจัดระเบียบคลังสินค้าโดยให้ความสำคัญกับการออกผลิตภัณฑ์ที่มีวันหมดอายุเร็วที่สุดก่อน เป็นเทคนิคที่ช่วยหลีกเลี่ยงต้นทุนเพิ่มเติมที่เกิดจากสินค้าหมดอายุ และลดความเสี่ยงของการเสื่อมสภาพของผลิตภัณฑ์ที่จัดเก็บ

ส่วนวิธี FIFO หรือ First In First Out คล้ายกับวิธี FEFO แต่แทนที่จะใช้วันหมดอายุเป็นพื้นฐานในการออกผลิตภัณฑ์ตามลำดับความสำคัญ วิธี FIFO จะใช้วันที่ที่ผลิตภัณฑ์เข้าคลังสินค้าเป็นเกณฑ์ หากสินค้ามีวันหมดอายุเดียวกัน สินค้าที่จะออกก่อนจะเป็นสินค้าที่เข้ามาเป็นชิ้นแรก

อ่านเพิ่มเติม : FIFO (First in First Out) คืออะไร? ต่างจาก FEFO อย่างไร

สุดท้ายมีวิธี LIFO (Last In First Out) ที่ใช้เกณฑ์ตรงกันข้ามกับ FEFO สินค้าที่เข้าเป็นชิ้นสุดท้ายคือสินค้าที่ออกไปก่อน กล่าวคือ สินค้าที่เพิ่งมาถึงในคลังสินค้าจะมีสิทธิ์ออกก่อนสินค้าที่อยู่ในคลังสินค้านานกว่า วิธีนี้ใช้กับสินค้าที่ไม่มีวันหมดอายุและไม่มีความเสี่ยงต่อการสูญเสียสินค้า เช่น วัสดุก่อสร้างที่ยังคงอยู่ในสภาพสมบูรณ์เป็นเวลานาน

ข้อจำกัดของระบบ FEFO

ข้อจำกัดของระบบ FEFO

แม้ว่าระบบ FEFO จะมีประโยชน์และข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อจำกัดบางประการที่ควรพิจารณา ดังนี้

  • ความซับซ้อนในการจัดการ: การจัดเรียงสินค้าตามวันหมดอายุอาจมีความซับซ้อนมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมีสินค้าหลายชนิดและปริมาณมาก
  • ต้นทุนในการดำเนินงาน: การตรวจสอบและจัดเรียงสินค้าตามวันหมดอายุอาจต้องใช้แรงงานและเวลาเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดต้นทุนในการดำเนินงานที่สูงขึ้น
  • ความเสี่ยงจากความผิดพลาด: การบันทึกข้อมูลวันหมดอายุที่ผิดพลาด หรือการหยิบสินค้าผิดพลาด อาจส่งผลให้สินค้าหมดอายุและต้องทิ้งไป
  • ไม่เหมาะกับสินค้าทุกชนิด: สินค้าบางชนิด เช่น สินค้าที่ไม่มีวันหมดอายุที่ชัดเจน หรือสินค้าที่ไม่เสื่อมสภาพตามกาลเวลา อาจไม่จำเป็นต้องใช้ระบบ FEFO

สรุป

FEFO คือระบบการจัดการสต๊อกที่ให้ความสำคัญกับวันหมดอายุของสินค้า โดยจะหยิบสินค้าที่ใกล้หมดอายุออกมาใช้ ระบบนี้เหมาะสำหรับสินค้าที่มีอายุการใช้งานจำกัด เช่น อาหาร เครื่องดื่ม หรือผลิตภัณฑ์ดูแลผิว นอกจากนี้ยังมีระบบการจัดการสต๊อกอีก 2 แบบที่นิยมใช้กัน คือ LIFO ระบบหยิบสินค้าที่เข้ามาทีหลังออกไปก่อน เหมาะกับสินค้าที่มีราคาเปลี่ยนแปลงบ่อย หรือสินค้าที่ไม่เสื่อมสภาพตามกาลเวลา และระบบ FIFO ที่หยิบสินค้าที่เข้ามาก่อนออกไปก่อน เหมาะกับสินค้าส่วนใหญ่ โดยเฉพาะสินค้าที่ต้องการรักษามูลค่า ซึ่ง FEFO แตกต่างจาก FIFO และ LIFO ตรงที่ให้ความสำคัญกับวันหมดอายุของสินค้าเป็นหลัก 

หากคุณยังไม่แน่ใจเกี่ยวกับการจัดการระบบสต๊อกสินค้า ลองใช้บริการกับ YAS ผู้ให้บริการระบบด้านโลจิสติกส์และคลังสินค้าที่มีประสบการณ์ เราสามารถออกแบบระบบการจัดการสต๊อกที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ ไม่ว่าจะเป็นระบบ FEFO หรือ FIFO เพื่อให้คุณบริหารจัดการสินค้าคงคลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ